วอนเน็ต แชร์ช่วยเด็กตกหม้อน้ำเดือด ตายแล้วฟื้น2ครั้ง..?



อุบัติเหตุและความไม่ปลอดภัยมักอยู่รอบตัวเราเสมอ รวมถึงสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ก็กลายเป็นอันตรายได้ในพริบตา และอาจคร่าชีวิตของคนที่รักได้ โดยเฉพาะชีวิตของลูกน้อย ที่ “พ่อแม่” ต้องคอยระมัดระวังทุกย่างก้าว แต่เมื่อเกิดความพลาดพลั้ง “ความหวังและกำลังใจ” คือ ศรัทธาที่จะผลักดันให้ “ลูก” กลับมาเป็นปกติดังเดิม
MThai News ขอนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวคุณพ่อฉัตรชัย ทัดทรงกูล  อายุ 44 ปีและ คุณแม่ปรัศนีย์ สระสีสม อายุ 30 ปี ที่อยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ และต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก หลังเมื่อคืนวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ลูกสาวคนเล็ก น้องกรณิกา ทัดทรงกูล (มินนี่) อายุ 3 ขวบ ได้เล่นกันกับพี่สาวน้องรุ้งรัตน์ ทัดทรงกูล อายุ 6 ขวบ ภายในบ้านบ้านเลขที่ 84/5 หมู่6 ต.บางปะหัน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
จนเกิดพลัดตกลงไปในหม้อน้ำเก๊กฮวย ที่พ่อเพิ่งต้มเสร็จ แล้วยกออกจากเตาแก๊สตั้งวางไว้บนพื้น อุณภูมิความร้อนของน้ำได้ลวกร่างตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงต้นขาทั้ง 2 ขา และน้ำร้อนยังกระเด็นลามเข้าใบหน้า  คาง และคอของน้องกรณิกา

 

“ความนิ่งเงียบ” เข้ามาแทนที่ “การกรีดร้อง” น้องกรณิกาไม่ร้องไห้แสดงความเจ็บปวด เพราะอยู่ในอาการช็อก พ่อจึงรีบอุ้มน้องขึ้นมาจากหม้อน้ำเดือด โดยมีแม่ประคองร่างร้องไห้ภาวนาขอให้ลูกปลอดภัย ทั้งคู่รีบขับรถพาร่างลูกที่เต็มไปด้วยแบดแผลฉกรรจ์ส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
ขณะถึงโรงพยาบาล พ่อแม่ได้ยินเสียงลูกร้องอีกครั้ง แต่กลับเป็นเสียงกรีดร้องทรมานเจ็บปวดบาดเเผล กระทั่งแพทย์ฉุกเฉินรีบนำตัวน้องรักษาอาการเบื้องต้น ประเมินแล้วแผลถูกลวก กว่า 70% อาการโคม่าระดับ 3 นอนโรงพยาบาลได้เพียง 2 วัน ก็ต้องส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีที่มีแพทย์ชำนาญการ และเครื่องมือครบครันในการรักษาแบดแผลสาหัสของน้องกรณิกาได้
เมื่อถึงมือแพทย์แห่งโรงพยาบาลใหญ่ ความอุ่นใจ “พ่อแม่” มีมากขึ้น เชื่อว่าอาการของลูกต้องดีขึ้นตามลำดับโดยเร็ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น อาการของน้องกรณิกาทรุดลง แพทย์ระบุน้องกรณิกาติดเชื้อในกระแสเลือด รักษาโดยการให้ยาฆ่าเชื้อ
แต่…น้องกรณิกากลับ “หยุดหายใจ”
แพทย์ใช้เวลาปั้มหัวใจ 15 นาที น้องจึงตื่นฟื้นขึ้นมาใหม่ ไร้การพูดจา ร่างกายไม่ตอบสนองใด มีเพียงดวงตาที่ยังเบิกโพลง มองเห็นหน้าพ่อแม่ได้
จากนั้นอาการน้องกรณิกาพอดีขึ้นบ้าง แพทย์จึงใช้การทำสกินกราฟ โดยการนำผิวหนังด้านหลังศรีษะของน้องกรณิกามาปลูกถ่ายบาดแผลที่ต้นขาขวา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ผ่านมาได้ 3 สัปดาห์ น้องกรณิกากลับติดเชื้อจากสายเจาะให้อาหารลามเข้าสู่หัวใจ

และครั้งนี้….น้องกรณิกา ได้หยุดหายใจอีกครั้้ง!
แพทย์ใช้เวลาปั้มหัวใจกว่า 20 นาที ก็ไม่สำเร็จ จึงได้โทรหาพ่อแม่น้องกรณิกา ให้เดินทางมาดูใจลูกครั้งสุดท้าย
“ตอนรับสายหมอบอกให้เราตั้งสติตั้งใจฟัง ลูกติดเชื้อเข้าสู่หัวใจ หยุดหายใจอีกแล้ว ช่วยยื้อแล้ว แต่ไม่ได้ผล หมอพยายามแล้วจริงๆ ให้รีบมาดูใจลูกด่วน ฟังแค่นั้น ใจพ่อแม่แทบสลาย”
แต่…ปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้น เมื่อพ่อแม่ไปถึงเพื่อดูใจลูกครั้งสุดท้าย น้องกรณิกากลับฟื้นขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มเปื้อนน้ำตาของพ่อแม่เเปลเปลี่ยนเป็น “พลัง มีหวัง และ กำลังใจ”
ต่อมาแพทย์ได้เฝ้าระวังน้องกรณิกาอย่างใกล้ชิด โดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ พร้อมกับเจาะเลือดพบเชื้อราเกาะลิ้นหัวใจ เป็นเหตุให้ลิ้นหัวใจรั่ว ต้องกินยารักษาโรคหัวใจต่อเนื่อง
และเพื่อป้องกันบาดเเผลติดเชื้อ วันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา แพทย์ได้ทำการสกินกราฟอีกครั้ง โดยนำผิวหนังรอบต้นขาซ้ายของพ่อ มาปิดบาดเเผลน้องกรณิกา เพื่อสร้างเซลล์ร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ลดการทำแผล ลดความเจ็บปวด และเวลาให้อาหาร สารอาหารไม่รั่วไหลออกนอกตัว
ซึ่งถือว่าได้ผลเป็นอย่างมาก น้องกรณิกาสุขภาพแข็งแรงขึ้นตามลำดับ แต่ผิวหนังพ่อที่นำมานั้น อยู่ได้เพียง 1 เดือนต่อการทำ 1 ครั้ง เพื่อให้น้องแข็งแรงเช่นนี้ไปตลอด พ่อต้องเสียสละผิวหนังที่เหลือทำสกินกราฟให้ทั่วร่างกายของน้องกรณิกา และหากผิวหนังไม่เพียงพอ แม่จะต้องรับช่วงต่อในการเสียสละครั้งนี้

“ตอนนี้เป็นห่วงเรื่องพัฒนาการของลูก เพราะร่างกายไม่ตอบสนอง ไม่พูดจา แค่ลืมตาและร้องไห้อย่างเดียว ทางแพทย์จึงได้ช่วยกันให้ลูกหลับตื่นเป็นเวลา และให้พ่อแม่หมั่นพูดคุยกับลูกตลอด เพื่อสร้างพัฒนาการใหม่ให้กับเขา และหวังว่าเขาจะกลับมาสื่อสารกับพ่อแม่ได้”
ส่วนเรื่องการเข้าเยี่ยมน้องกรณิกานั้น ต้องผ่านมาตรการคุมเข้มของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เพราะน้องต้องอยู่ห้องพิเศษตลอด จึงเข้าเยี่ยมได้แบบจำกัดเวลา และอนุญาติเฉพาะญาติเท่านั้น แม้กระทั่งพ่อแม่ยังเข้าไปได้เพียงครั้งละคน
สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องกรณิกานั้น ขณะนี้ทางครอบครัวลำบากมาก เพราะน้องได้ใช้สิทธิ์บัตรทองในการรักษาที่ผ่านมาทั้งหมด 2,660,300 บาท จึงมีส่วนต่างที่ต้องจ่ายเองอีก 320,000 บาท และขณะนี้การรักษายังไม่จบสิ้่นจึงไม่รู้ว่ายอดค่ารักษาจะไปสิ้นสุดที่ตัวเลขใด รวมถึงค่ารักษาต่อเนื่องในอนาคต หากน้องได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน
ขณะที่พ่อกับแม่ มีอาชีพค้าขายที่ตลาดนัดบางปะหัน รายได้น้อยและไม่แน่นอน ตั้งแต่น้องป่วย ก็แทบไม่มีรายได้ เพราะต้องนำเวลามาดูแลน้อง อีกทั้งยังมีภาระค่าใช้จ่ายภายในบ้านจำนวนมาก และยังต้องเลี้ยงดูลูกอีก 1 คน
โชคดีที่มี “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมบริจาคเงินให้ 25,000 บาท จึงนำไปรวมกับเงินบริจาคอีกหมื่นกว่าบาทจากชาวบ้าน และแม่ค้าในตลาดนัดที่ร่วมช่วยเหลือ


นอกจากนี้ คุณแม่ปรัศนีย์ ยังฝากข้อห่วงใยถึงพ่อแม่และผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในความดูแล หมั่นระมัดระวังทุกความเคลื่อนไหวของเด็กเล็กเป็นพิเศษ พร้อมคอยตรวจสอบความไม่ปลอดภัยใดในบ้าน และขจัดสิ่งที่อาจก่ออันตรายให้ไกลตัวพวกเขามากที่สุด เพื่อกันเหตุซ้ำเช่นเดียวกรณีลูกของตนเอง
อย่างไรก็ตาม MThai News ขอเป็นกำลังใจให้น้องกรณิกา ทัดทรงกูล และครอบครัว  หากผู้ใจบุญท่านใดอยากให้ความช่วยเหลือสามารถมอบเงินช่วยเหลือผ่านบัญชี ปรัศนีย์ สระสีสม ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาอยุธยาพาร์ค เลขที่บัญชี 4 0 2-120901-3
ชัยพัฒน์ แกล้วทนงค์ รายงาน / ถ่ายภาพ
ติดตามสกู๊ปข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com




ที่มา: news.mthai.com
วอนเน็ต แชร์ช่วยเด็กตกหม้อน้ำเดือด ตายแล้วฟื้น2ครั้ง..? วอนเน็ต แชร์ช่วยเด็กตกหม้อน้ำเดือด ตายแล้วฟื้น2ครั้ง..? Reviewed by ข่าวอัพ ดอทคอม on 00:35 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.